แจ้งเพื่อทราบว่าบล็อกเกอร์นี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชาอินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขอขอบคุณที่เข้ามาเยียมชม

ชอบๆๆๆ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

World Bank

ความโดยประธานธนาคารโลกเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลก


ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้น   วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในตลาดเงิน  ในระบบสินเชื่อ  และในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาก็ได้ส่งผลให้ความกังวลที่มีอยู่เดิมต่อสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ด้านการลดความยากจนของโลกในปัจจุบัน    อันสืบเนื่องมาจากปัญหาราคาอาหารและน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้น    ขยายวงกว้างขึ้น    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายนและตุลาคมนั้น   อาจผลักดันให้สถานการณ์ในประเทศกำลังพัฒนาหลายต่อหลายประเทศ  ซึ่งแต่เดิมก็ค่อนข้างล่อแหลมหรือเปราะบางอยู่แล้ว    ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤติได้   และหากเป็นเช่นนั้น   คนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนยากจน  ซึ่งโดยมากแล้วจะปราศจากเกราะกำบังใดใดนั่นเอง

เราได้ยินคำตำหนิติเตียนมากมายว่าต้นเหตุของปัญหานี้อยู่ที่การเปิดตลาดเสรี     อยู่ที่ความล้มเหลวของสถาบันกำกับดูแลในภาครัฐ      ทว่า  ความจริงที่เราต้องเผชิญและยอมรับก็คือ  ทุกวันนี้    โลกมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังให้แก่โลกาภิวัตน์ได้แล้ว      สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือการเรียนรู้จากประสบการณ์และความผิดพลาดในอดีตในขณะที่เราก้าวย่างต่อไปเพื่อวางรากฐานให้แก่อนาคต       ทั้งนี้    เราจำเป็นที่จะต้องปฏิวัติโครงสร้างของตลาดเงินตลาดทุน  รวมทั้งระบบพหุพาคีเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลกให้สอดคล้องต่อสภาวะเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบันยิ่งขึ้น

ความเป็นไปของตลาดเงินตลาดทุนในวันนี้   รวมทั้งการที่แต่ละประเทศในโลกถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันภายใต้เครือข่ายเดียวนั้น   สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการติดต่อสื่อสาร   การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร  พัฒนาการของเทคโนโลยี   การไหลเวียนของเงินทุนและการค้า    การเคลื่อนย้ายของแรงงาน     และแรงผลักดันใหม่ ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของโลก       ทุกวันนี้   ประเทศที่เราเรียกว่า “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ” นั้น  ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในยุโรปและอเมริกาอีกต่อไปแล้ว   ตรงกันข้าม  มีประเทศกำลังพัฒนามากมายที่กำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว      และกำลังเป็น “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ของความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศของพวกเขาเอง     ที่สำคัญ  มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ เหล่านี้   ก็ยังต้องการที่จะให้ประเทศอื่น ๆ ในโลกหันมาฟังเสียงของพวกเขาให้มากขึ้นด้วย

ในขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนและธุรกิจต่าง ๆ จะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้โลกมีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการต่อไป    ระบบการเงินของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว  โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา  ก็กลับดูเหมือนว่ากำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ  หลังจากที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่มหาศาลจากวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ได้เกิดขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมานี้   

เมื่อระบบที่ได้ถูกสร้างไว้ให้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกกำลังส่อให้เห็นว่ามีรอยร้าว      เราก็จำเป็นที่จะต้องค้นหากลไกใหม่ ๆ เข้ามาช่วย   ประเด็นสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ   ระบบพหุภาคีที่จะสอดคล้องกับความเป็นไปของโลกในปัจจุบันมากที่สุดนั้น  น่าจะเป็นระบบพหุภาคีที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าในปัจจุบัน      รวมทั้งเป็นระบบที่นำความแข็งแกร่งของเครือข่าย   และของสถาบันทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด     และควรจะเป็นระบบแก้ไขปัญหาแบบยึดผลลัพธ์ในการปฏิบัติ   รวมทั้งส่งเสริมวิถีทางแห่งความร่วมมือเป็นสำคัญ 

ระบบพหุภาคีที่เราควรจะริเริ่มขึ้นใหม่นี้     จักต้องมีการแบ่งปันความรับผิดชอบในการดูแลความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจการเมืองโลกให้ทั่วถึงมากขึ้น    และประกอบไปด้วยสมาชิกซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ของภาวะเศรษฐกิจโลกมากกว่าคนอื่นด้วย   เช่นนี้แล้ว   เราจึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนคำบัญญัติความของระบบพหุภาคีทางเศรษฐกิจของโลกเสียใหม่    เพื่อให้ความสำคัญต่อปัจจัยอื่น ๆ ที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงให้แก่โลก  มิใช่เฉพาะการเงินและการค้าดังที่เป็นมาในอดีต   ทุกวันนี้   ประเด็นที่เกี่ยวกับพลังงาน  การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  และการสร้างความมั่นคงให้แก่ประเ ทศที่เปราะบาง หรือประเทศที่เพิ่งผ่านภาวะสงครามมาใหม่ ๆ  นั้นก็นับว่าเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจเช่นกัน  ประเด็น เหล่านี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาระดับโลกว่าด้วยปัญหาความมั่นคงและปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว    จึงนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องนำประเด็นเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาระดับโลกว่าด้วยปัญหาเศรษฐกิจด้วย  

ระบบพหุภาคีที่โลกต้องการนี้   จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นก็ต่อเมื่อมีความร่วมมือและมีแรงผลักดันจากสมาชิกแต่ละประเทศ    ระบบที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันคือระบบ G-7 นั้นยังถือว่ามีข้อบกพร่องอยู่มาก  เราจำเป็นที่จะต้องสรรค์สร้างระบบใหม่ขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะของโลกในปัจจุบันมากขึ้น   ระบบใหม่ที่เราจำเป็นจะต้องมีนี้   ควรอยู่ภายใต้การดูแลของ “คณะทำงานหลัก”  ซึ่งจะประกอบไปด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังของประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบเศรษฐกิจโลกต่าง ๆ    ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและความรู้กันอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีรวดเร็วขึ้น   สามารถรวบรวมประเทศสมาชิกอื่น ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที    และทำหน้าที่ “บริหาร” ความแตกต่างของแต่ละประเทศไม่ให้เป็นอุปสรรคขัดขวางการประสานประโยชน์ของโลกโดยรวม

คณะทำงานหลักที่จะทำหน้าที่ดูแลระบบพหุภาคีใหม่นี้   ควรที่จะมีบราซิล  จีน  อินเดีย   เม็กซิโก  รัสเซีย  ซาอุดิอาระเบีย   แอฟริกาใต้  และกลุ่มประเทศ G-7 ในปัจจุบันเป็นสมาชิก     คณะทำงานนี้จำเป็นที่จะต้องมีการพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ   และมีการสนทนาแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกันผ่านทั้งช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ      ที่สำคัญ   คณะทำงานนี้จำเป็นที่จะต้องเป็นมากกว่าแค่ “กลุ่มประเทศ G-14” เพราะมันจะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดเลยหากเราแค่เปลี่ยนชื่อ จาก G-7 เป็น G-14  โดยที่ไม่เปลี่ยนวิถีการทำงานด้วย   เราต้องการเครือข่ายใหม่ที่จะสามารถคาดคะเนล่วงหน้าได้ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น   ที่จะยังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่มีอยู่     โครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของคณะทำงานภายใต้ระบบพหุภาคีใหม่นี้   จะช่วยให้แต่ละประเทศหันมาใช้สมาชิกอื่น ๆ ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น     ในการแก้ไขปัญหาซึ่งใหญ่หลวงเกินกว่าประเทศใดประเทศหนึ่งจะสามารถแก้ไขได้โดยลำพัง    และจะช่วยผลักดันให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลกนั้น   ผ่านกระบวนการที่เป็นพหุภาคีนิยมมากขึ้น

ระบบพหุภาคีใหม่ที่ว่านี้    จำเป็นที่จะต้องนำปฏิสัมพัทธ์และความเชื่อมโยงระหว่างพลังงานกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย         ตลาดพลังงานโลกในปัจจุบันนี้กำลังอยู่ในภาวะที่ยุ่งเหยิงมาก   เพื่อให้การแก้ไขปํญหาด้านพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เราจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีการเจรจาระดับโลกระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคพลังงาน  โดยทั้งสองฝ่ายจำเป็นที่จะต้องนำแผนงานในการขยายอุปทาน  การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดอุปสงค์   การผลิตพลังงานเพื่อคนยากไร้      และการวางแผนพัฒนาพลังงานโดยคำนึงถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ   เข้ามาพิจารณาร่วมกันด้วย        ผมเชื่อว่าทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภคนี้น่าจะหาวิธีที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์มาใช้บริหารจัดการราคาของพลังงานให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม   และผสมผสานกับการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงได้

เพื่อให้สิ่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเป็นไปอย่างราบรื่น    โลกก็จำเป็นที่จะต้องมีปัจจัยใหม่ ๆ มาสนับสนุนข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ     มีกลไกใหม่ ๆ ที่จะส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าและลดการตัดไม้ทำลายป่า    พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งหาวิธีที่จะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับการใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น   นอกจากนี้  เรายังจำเป็นที่ะต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อประเทศกำลังพัฒนาให้มากขึ้นเพื่อให้ประเทศเหล่านั้นสามารถปรับตัวเข้ากับผลที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ    รวมทั้งพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น      คณะทำงานหลักภายใต้ระบบพหุภาคีใหม่นี้   น่าจะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้เกิดมาตรการใหม่ ๆ อันเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาพลังงาน  ปัญหาสิ่งแวดล้อม   และมาตรการทางการเงินที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจาระดับสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ    รวมทั้งส่งเสริมข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ในความเป็นจริง

และในฐานะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้ามาทุกที    ผมจึงอยากจะเรียนว่า  ในขณะที่หน้าที่ในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจโลกควรจะเป็นภารกิจเร่งด่วนภารกิจหนึ่งของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ นั้น    เราต้องยอมรับว่า   การแก้ไขปัญหานี้หาใช่เป็นภาระของสหรัฐฯ แต่เพียงประเทศเดียวไม่   แต่มันควรจะเป็นภาระของสมาชิกทุกคนในระบบพหุภาคี     
แม้สภาวะการณ์ในปัจจุบันจะยากลำบากสำหรับโลก  แต่วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังมาพร้อม ๆ กับโอกาสด้วย   ขณะนี้  มีประเทศหลายประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบแก้ไขปัญหาแบบพหุภาคีในปัจจุบันที่มีความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ  ให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้   ดังนั้น    ภาระกิจเร่งด่วนของเราจึงควรจะเป็นการปรับปรุงระบบและตลาดเงินตลาดทุนของโลกนั้นให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันต่อเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น


นายโรเบิร์ต บี เซลลิค  เป็นประธานกลุ่มธนาคารโลก   ข้อเขียนชิ้นนี้ดัดแปลงมาจากสุนทรพจน์ของเขาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา   ก่อนการเปิดการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี  
http://web.worldbank.org/WBSITE/EXTERNAL/COUNTRIES/EASTASIAPACIFICEXT/THAILANDINTHAIEXTN/0,,contentMDK:21937680~menuPK:487349~pagePK:2865066~piPK:2865079~theSitePK:486697,00.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น